ศูนย์ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย

ตามที่ ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดชัยนาท จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอยุธยา จังหวัดลพบุรี ฯลฯ ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน ไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ทรงห่วงใยราษฎรจึงทรงมีพระราชกระแสให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิ ชัยพัฒนา ขึ้น ในที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่มีความพร้อมและอยู่ใกล้พื้นที่ประสบอุทกภัย รวมถึงสถานที่ราชการที่มีศักยภาพสามารถรองรับผู้ประสบอุทกภัยได้ ปัจจุบันมูลนิธิชัยพัฒนามีศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมรวม ๕ ศูนย์ ประกอบด้วย
 
๑. ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันมีผู้อพยพ เข้ามาอาศัย ณ ศูนย์แห่งนี้กว่า 400 คน และในแต่ละวันยังคงมีผู้ประสบภัยติดต่อขอเข้ามาอาศัย อย่างต่อเนื่อง ในด้านของสภาพความเป็นอยู่แม้ว่าศูนย์ฯ จะประสบกับปัญหาน้ำท่วมแต่ก็ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานอาทิ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โรงเรียนจิตรลดา กองทัพบก กรมประมง และตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ ในการระดมกำลังป้องกันความเสียหาย จนสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนในเรื่องของกระแสไฟฟ้าที่โดนตัดไม่สามารถใช้งานได้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานเครื่องปั่นไฟและเครื่องผลิตน้ำดื่มมาติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงพระราชทานหน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลรามา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาประจำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อดูแลรักษาราษฎรในศูนย์ฯ อีกด้วย และนอกจากศูนย์แห่งนี้จะเป็นที่พักพิงสำหรับผู้ประสบอุทกภัยแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกระแสให้เจ้าหน้าที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ช่วยเหลือราษฎรที่ยังคงติดค้างอยู่ในบ้านเรือนโดยเน้นไปที่บ้านเรือนราษฎรที่ถูกตัดขาดและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยได้พระราชทานถุงยังชีพรวมถึงหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานไปดำเนินการรักษาผู้ประสบภัย โดยได้รับความร่วมมือจากกรมประมงในการสนับสนุนเรือจำนวน ๖ ลำ เพื่อออกไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว รวมถึงสนับสนุนเจ้าหน้าที่จำนวน ๑๕ คน เดินทางร่วมกับร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองทัพบก ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา และพระสงฆ์ ออกเดินทางไปแจกถุงยังชีพพระราชทานและช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามสถานที่ต่างๆ ทุกวัน
 
๒. ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ในที่ดินของมูลนิธิ ชัยพัฒนา ณ โรงสีข้าวมูลนิธิชัยพัฒนา (ศูนย์สาธิตและพัฒนาพลังงานทดแทนแบบครบวงจร) อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงสีข้าวพระราชทานแก่ชุมชนแล้ว ยังเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในยามที่ราษฎรต้องประสบกับอุทกภัยร้ายแรงในครั้งนี้ บทบาทสำคัญของศูนย์แห่งนี้คือเป็นแหล่งผลิตข้าวสารแจกจ่ายให้กับศูนย์และสถานที่ต่างๆ ตามการร้องขอ รวมทั้งยังเป็นแหล่งประกอบอาหารพระราชทาน โดยดำเนินการผลิตข้าวกล่องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกว่าวันละ 3,000 กล่อง และได้รับความร่วมมือ เป็นอย่างดีจากสภากาชาดไทย ในการจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหาร
 
๓. ศูนย์ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ณ โรงเรียนนารายณ์ศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภายในจังหวัดลพบุรี ปัจจุบันมีผู้อพยพเข้ามาอาศัย ณ ศูนย์แห่งนี้ประมาณ ๑๗๐ คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ศูนย์แห่งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ในการประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยภายในศูนย์ฯ รวมถึงแจกจ่ายไปให้แก่ราษฎรที่ยังคงติดค้างอยู่ในบ้านเรือนตามชุมชนต่างๆ ส่วนในด้านของสุขอนามัยของผู้ประสบภัยนอกจากจะได้รับความร่วมมือจากทีมแพทย์ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษแล้ว โรงพยาบาลนารายณ์มหาราชยังได้จัดส่งหน่วยแพทย์เข้ามาตรวจสุขภาพของผู้ประสบอุทกภัยภายในศูนย์ทุกๆ 3 วัน และถ้าหากมีผู้ป่วยหนักก็จะดำเนินการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนารายณ์มหาราช ทันที
 
๔. ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ณ ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพภาคที่ ๑ ประจำพื้นที่ภาคกลาง อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งศูนย์แห่งนี้ในตอนต้น ตั้งขึ้นเพื่อที่จะรองรับผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ในศูนย์ฯ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่ศูนย์ฯโดนน้ำท่วม แต่ปัจจุบันได้ผ่านพ้นจุดวิกฤตไปได้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงทรงมีพระราชกระแสให้จัดตั้งศูนย์แห่งนี้เพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ประสบภัยในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีเป็นจำนวนมากและได้พระราชทานรถแมคโคร เรือท้องแบน ๕ ลำ และเรือพระราชทานเพิ่มจำนวน ๑๕ ลำ ไว้ใช้ในการดำเนินกิจกรรมของศูนย์ฯ เช่น การเดินทาง ไปยังบ้านเรือผู้ประสบภัย เพื่อให้ราษฎรที่มีความเป็นห่วงบ้านได้เดินทางกลับไปดูแลบ้าน ของตนได้สะดวก นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ ธนาคารกสิกรไทย เข้ามาร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ ศูนย์แห่งนี้ โดยนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้บินมาสำรวจศูนย์ฯ และความเสียหายในพื้นที่ ด้วยตนเอง และได้สนับสนุนในการจัดส่งคณะเจ้าหน้าที่ไปเปิดโรงครัวขึ้นเพื่อดูแลผู้อพยพภายในศูนย์ฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งสามารถผลิตอาหารได้กว่าวันละ 3,000 กล่องต่อวัน
 
๕. ศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมของมูลนิธิชัยพัฒนา ในที่ดินของมูลนิธิ ชัยพัฒนา ณ โครงการอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดนครปฐม อยู่ในระหว่างการเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้จังหวัดนครปฐมเกิดน้ำท่วมได้ ในการนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม มูลนิธิ ชัยพัฒนา จึงได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมขึ้น ณ ที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา โครงการอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งนอกจากจะเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้ประสบภัยแล้ว ศูนย์แห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นจุดรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย
 
ทั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชดำริให้ใช้ที่ดิน ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในที่ต่างๆ ในการดำเนินการให้ประชาชนสามารถใช้เป็นที่อพยพและติดต่อประสานความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัย
 
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ที่ สำนักงานมูลนิธิ ชัยพัฒนา อาคาร 608 พระราชวังดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ โทร 02-2824425-8 หรือโอนเงินผ่านบัญชีมูลนิธิชัยพัฒนา ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสวนจิตรลดา บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 067-2-00011-9 หรือที่ธนาคารทหารไทย สาขาสนามเสือป่า บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 046-2-40277-7
 
สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา โทร 02-2824425 ต่อ 116-117